ลงทะเบียนคอร์สสัมมนาออนไลน์ศาสตร์ BOOCS และขอรับสิทธิ์ในการจำหน่าย PLASMALOGEN
2 นวัตกรรม จากประเทศญี่ปุ่น

นายแพทย์ทาเคฮิโกะ ฟูจิโนะ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่งมหาวิทยาลัยคิวชู
1.BOOCS (BRAIN ORIENTED ONESELF CARE SYSTEM)
เป็นนวัตกรรมใหม่จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อการบำบัดความเหนื่อยล้าของสมอง (Brain Fatigue) และฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง ช่วยแนะนำวิธีการผ่อนคลายความเครียด การป้องกันก่อนการเกิดโรคอัลไซเมอร์ รวมถึงการรักษาเมื่อเกิดโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งนวัตกรรมนี้ได้มีการวิจัยมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี
BOOCS Medical Group เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งและค้นคว้าวิจัยโดยนายแพทย์ทาเคฮิโกะ ฟูจิโนะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่งมหาวิทยาลัยคิวชู และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

2.พลาสมาโลเจน (Plasmalogen Supplement) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดจากหอยเชลล์ญี่ปุ่น
พลาสมาโลเจน (Plasmalogen) เป็นสารที่พบเห็นโดยทั่วไปในโครงสร้างของสัตว์ต่างๆ และจะพบมากในเซลล์ประสาทสมองของมนุษย์ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสื่อสารของเซลล์และป้องกันการอักเสบ จากการศึกษาพบว่าระดับพลาสมาโลเจนที่ลดลงนั้นสัมพันธ์กับการเสื่อมของระบบการรับรู้ เกิดความเหนื่อยล้าของสมอง และก่อให้เกิดโรคต่างๆ อาทิเช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง และโรคซึมเศร้า เป็นต้น รวมไปถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น การอักเสบของสมอง การติดเชื้อหวัด และ/หรือ ความเครียด ล้วนส่งผลให้ระดับพลาสมาโลเจนในร่างกายลดลง
การศึกษาในหนูทดลองโดยให้หนูกลุ่มที่ 1 ทานอาหารปกติ และหนูกลุ่มที่ 2 ทานอาหารปกติเสริมด้วยพลาสมาโลเจน สร้างความเครียดให้หนูทั้งสองกลุ่ม เมื่อหนูอายุมากขึ้นได้ตัดสมองหนูและตรวจนับเซลล์สมองของหนูทั้งสองกลุ่ม พบว่าเซลล์สมองของหนูกลุ่มที่ 2 ที่ได้รับอาหารปกติเสริมด้วยพลาสมาโลเจนมีจำนวนของเซลล์สมองเหลืออยู่มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ผลการศึกษาในคนยืนยันว่าการบำบัดด้วยการเพิ่มระดับของพลาสมาโลเจน ช่วยให้อาการของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ดีขึ้นถึง 52%ในผู้ป่วยที่มีอาการทางสมองเสื่อมระดับกลาง(Moderated Cognitive impairment) หลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานพลาสมาโลเจนวันละ 2 เม็ดติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน
ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่การรักษาในโลกปัจจุบันนี้มีอยู่อย่างจำกัด พลาสมาโลเจนเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยผู้ที่มีอาการทางสมองเสื่อมแล้วมีอาการดีขึ้นจากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น และอาจจะช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมในผู้ที่ยังไม่มีอาการแต่ใช้สมองในการทำงานอย่างหนักหรือมีภาวะความเครียดร่วมด้วย
BOOCS@BNH Hospital
BOOCS@BNH ก่อตั้งเมื่อ พฤศจิกายน ปี 2017 เป็นศูนย์การดูแลสมองศาสตร์ญี่ปุ่น ในการบำบัดความเหนื่อยล้าของสมอง (Brain fatigue)และฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์สมอง วิธีการผ่อนคลายความเครียด การป้องกันก่อนการเกิดโรคอัลไซเมอร์โดยได้รับความสนับสนุนจาก BOOCS Medical Group เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งก่อตั้งและค้นคว้าวิจัยโดยนายแพทย์ทาเคฮิโกะ ฟูจิโนะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่งมหาวิทยาลัยคิวชู และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ BOOCS@BNH ได้ผ่านการอบรมและมี License รับรองจาก BOOCS Medical Group ประเทศญี่ปุ่น
ความเครียดจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันทำให้เกิดความเหนื่อยล้าไม่เพียงแต่ทางร่างกายเท่านั้นแต่สมองก็เหนื่อยล้าได้เช่นกัน โดยที่เราไม่รู้ตัว
ภาวะสมองเหนื่อยล้านี้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น
โรคไขมันสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ และ โรคพาร์กินสัน เป็นต้น
ความเหนื่อยล้าของสมอง(Brain Fatigue) เป็นสภาวะก่อนการเกิดโรค
เราสามารถสังเกตอาการเหนื่อยล้าของสมองได้ ซึ่งหากมีอาการต่อไปนี้มากกว่า 2 ข้อ อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าคุณกำลังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการสมองเหนื่อยล้าได้
- ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก นอนไม่ค่อยหลับ
- ไม่รู้สึกว่าอาหารมีความอร่อย ไม่อยากอาหาร
- ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรแต่ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า
- หงุดหงิดบ่อยครั้ง
- มีความเครียด กังวล ไม่มีเรี่ยวแรง
- ลืมนัดหมายสำคัญ
- ปวดท้อง ท้องผูก
- มีสิว มีอาการภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ งูสวัด
- จิตใจหดหู่ ไม่มีความหวัง
หากจะกล่าวถึง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease: AD)
เป็นหนึ่งในรูปแบบของภาวะสมองเสื่อม(Dementia) ที่รักษาไม่หาย และพบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มคนสูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 60-80 ของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั้งหมด (Source: Alzheimer’s Disease International)
ซึ่งความชุกของโรคอัลไซเมอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความผิดปกติของระบบประสาทนี้เกิดจากการสะสมของคราบโปรตีนที่ชื่อว่า เบต้าอะมีลอยด์(β-Amyloid)
ในปี 2558 พบผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ประมาณ 6 แสนคน โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 100,000 รายต่อปี ประมาณการณ์ว่าในปี 2573 จะมีผู้สูงอายุป่วยเป็นอัลไซเมอร์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,177,000 คน โดยผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนในการเป็นโรคนี้ประมาณร้อยละ 5 -8 และเมื่อมีอายุ 80 ปีสัดส่วนของการเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงถึงร้อยละ 50
จากการวิจัยพบว่า อัลไซเมอร์ เกิดได้จาก อายุ กรรมพันธุ์ การอักเสบของสมอง การติดเชื้อหวัด หรือการที่มีสารต่างๆเข้าไปในร่างกาย นอกเหนือจากนั้น
ความเครียดยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมได้ เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมนต่อต้านโรคอัลไซเมอร์อ่อนแอลง และทำให้สมองเกิดความเหนื่อยล้า
ผลการวิจัยที่ ได้รับการตีพิมพ์ใน EBioMedicine 17 (2017) เผยให้เห็นประสิทธิภาพของ Plasmalogen
CLICK ดูผลการวิจัย
ผู้ที่สามารถทาน Plasmalogen ได้
- ผู้ที่อายุ 20ปีขึ้นไป
- ผู้ที่อยากทานเพื่อป้องกันอัลไซเมอร์
- ผู้ที่มีอาการสมองเหนื่อยล้าต้องการลดความกังวล
- นอนไม่หลับ หรือหลับไม่ลึก (ช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้น หลับลึกมากขึ้น)
- คนที่อารมณ์แปรปรวน หรือมีภาวะซึมเศร้า
- ผลจากการวิจัยพบว่า การรับประทานพลาสมาโลเจนจะเห็นผลที่ดีขึ้นในกลุ่มคนที่เป็นอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ผู้มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือโรคพาร์กินสัน ฯลฯ สามารถทานอาหารเสริมPlasmalogen ควบคู่กับยาที่ทานอยู่ได้ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
- ในกรณีที่มีประวัติโรคทางระบบประสาทและสมอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน
- สามารถทานควบคู่กับอาหารเสริมชนิดอื่นๆได้
- ทานติดต่อกันเป็นเวลานานได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆ
ผู้ที่ไม่สามารถทาน Plasmalogen ได้
- ไม่แนะนำในผู้ที่มีประวัติแพ้หอย หรือแพ้อาหารทะเล
แนะนำวิธีการทานเป็นตามนี้นะคะ
- เพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์/มีอาการซึมเศร้า รับประทานวันละ 1 เม็ดหลังอาหารเช้า
- หากมีอาการนอนไม่หลับ รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
- ในกรณีผู้สูงอายุที่เป็นอัลไชเมอร์ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 2 เวลาหลังอาหารเช้าและเย็น
- ในกรณีผู้สูงอายุที่เป็นอัลไชเมอร์ และมีอาการซึมเศร้า รับประทานครั้งละ 2 เม็ด 2 เวลาหลังอาหารเช้าและเย็น
หากมีอาการสมองเสื่อมในขั้นปานกลาง – รุนแรง รบกวนปรึกษาอาการและรายละเอียด โดสในการทานกับผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน
- หากทานเพื่อป้องกันสามารถทานได้อย่างต่อเนื่อง
- หากทานควบคู่ไปกับการรักษา ตามงานวิจัยจะเห็นผลชัดเจนหลังทานต่อเนื่องประมาณ 3 เดือน
ไขมัน (Fat) ในส่วนประกอบสารอาหาร (Nutrient Composition) ของผลิตภัณฑ์พลาสมาโลเจนเท่ากับ 0.02 กรัม
ดังนั้นการรับประทานพลาสมาโลเจน จึงไม่ส่งผลต่อภาวะไขมันในเลือดค่ะ
ผลการวิจัยที่ ได้รับการตีพิมพ์ใน EBioMedicine 17 (2017) เผยให้เห็นประสิทธิภาพของ Plasmalogen
CLICK>> https://www.thelancet.com/action/showPdf?pii=S2352-3964(17)30071-3
การประเมินภาวะสมองเสื่อมจะประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ BOOCS เป็นการประเมินด้วยการถามตอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ตามข้อบ่งชี้ความเสี่ยงสมองเสื่อม อาทิเช่น การวัดความจำ การรับรู้วันเวลาสถานที่ การคำนวณ การแต่งประโยค การนึกคิดคำศัพท์ และการวาดรูป
โดยจากผลการประเมินจะสามารถบอกได้ว่าผู้ประเมินมีความเสี่ยงที่จะเป็นอัลไซเมอร์/ภาวะสมองเสื่อมหรือไม่
ช่วงเวลาที่แนะนำประเมิน 2 ครั้ง
- ช่วงก่อน
- และหลังรับประทานพลาสมาโลเจน
การประเมินสามารถเลือกช่องทาง ได้ 2ช่องทาง
1. เข้ามาประเมินที่โรงพยาบาล หรือ
2. ประเมินออนไลน์ (VDO call / Tele-consultation)
**แต่หากประเมินแล้วเริ่มมีความเสี่ยง ทางผู้เชี่ยวชาญจะส่งต่อให้พบคุณหมอ
รายละเอียดและราคาประเมิน
- สำหรับผู้ซื้อแพคเกจ 4 กล่อง สามารถนัดประเมินฟรี 2 ครั้ง (มูลค่า 2,700 บาท) สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นประเมินแทนได้
- สำหรับผู้ที่ต้องการประเมิน โดยไม่ได้ซื้อแพคเกจ จะมีค่าใช้จ่ายในการประเมิน 1,350 บาท
แจ้งรายละเอียดใน LINE @MBRACE กับแอดมิน
เพื่อประสานงานให้ทางเจ้าหน้าที่แผนกติดต่อกลับ เพื่อทำนัดหมาย
- ชื่อ นามสกุล
- เบอร์โทร
- ช่องทางที่สะดวกประเมิน
(ที่โรงพยาบาล/ผ่านทาง VDO call ผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์) - ช่วงเวลาที่สะดวกในการประเมิน (สามารถทำการนัดหมายได้ทุกวัน ตามเวลา 9.00-16.00 น.) ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
- โดยทางเจ้าหน้าที่แผนกจะติดต่อกลับท่าน ในเวลาทำการ 8.00-16.00 น.
- ในเรื่องของประสิทธิภาพของตัวยา ออกฤทธิ์ได้เหมือนกัน
- แบบแคปซูล มีคุณสมบัติที่สามารถนาใช้รักษาผู้ป่วยสมองเสื่อมในระยะปานกลาง-รุนแรงได้ เนื่องจากสามารถเปิดแคปซูล และนำผงพลาสมาโลเจนมาละลายน้ำหรือผสมอาหารใหผู้ป่วยทานได้ และสามารถเก็บได้นาน รวมถึงรักษาคุณภาพได้ง่าย
- แบบเจล รักษาคุณภาพยาค่อนข้างยาก เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศในเมืองไทย และการขนส่ง รวมถึงหมดอายุเร็วกว่าแบบแคปซูล
- ทางโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในประเทศไทยที่ผ่านการขอ อย.ประเทศไทย และนำเข้าพลาสมาโลเจนเฉพาะแบบแคปซูล
- Plasmalogen ผ่านการวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ส่วน Aduhelm ผ่านการวิจัยจากประเทศอเมริกา
- สามารถลดระดับ โปรตีนเบต้าอะมีลอยด์ในสมองได้ ตรวจจากการสแกนสมอง
- Aduhelm อาจมีผลข้างเคียงของยา อาทิเช่น ปวดหัว สับสน ท้องเสีย, delirium, disorientation, mental problem ในทางกลับกันพลาสมาโลเจนสามารถช่วยลดอาการปวดหัว มึนงง และรักษาอาการทางจิตเวชด้วย